เทคโนโลยี Stealth เครื่องบินล่องหนที่ไม่ล่องหนเห็นว่าหลายๆ ท่านยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเจ้าเทคโนโลยี Stealth ที่ใช้ในเครื่องบินรบหลายๆ แบบในปัจจุบัน ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องบินรบนั้น ล่องหนหายไปเลย ไม่สามารถถูกตรวจจับได้จากการตรวจจับประเภทต่างๆ เพราะงั้นวันนี้แอดมินจะมาอธิบายเกี่ยวกับเจ้าเทคโนโลยีล่องหนที่ว่านี่กันอย่างคร่าวๆ กันครับเทคโนโลยีล่องหน หรือ สเตลธ์ (Stealth) ที่หลายๆ คนคุ้นเคยนั้น เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อลดการแผ่กระจายหรือการสะท้อนคลื่นเรดาร์, ความร้อน, เสียง ฯลฯ ของอากาศยานรบ เพื่อลดโอกาสในการถูกตรวจจับโดยระบบป้องกันทางอากาศของฝ่ายตรงข้าม ด้วยการออกแบบให้เครื่องบินมีเหลี่ยมมุมเพื่อใช้ในการหักเหคลื่นเรดาร์ มีการพรางคลื่นความร้อนที่ออกมาจากตัวเครื่อง การติดตั้งตำบลติดอาวุธไว้ในตัวเครื่อง หรือแม้กระทั่งใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นเรดาร์ในการเคลือบที่พื้นผิวของอากาศยาน แต่ทั้งนี้ กระบวนการต่างๆ เหล่านี้ ก็ไม่ได้ทำให้อากาศยานนั้นล่องหนหายไปจากการตรวจจับเลยซะทีเดียว เพียงแต่ทำให้ถูกตรวจจับได้ยากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ที่ระยะเดียวกัน เรดาร์ภาคพื้นสามารถตรวจพบ F-16 ว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ แต่สามารถตรวจพบ F-35 ว่าเป็นวัตถุที่มีขนาดเล็กกว่า จนกระทั่ง F-35 เข้ามาใกล้มากขึ้นจึงสามารถตรวจจับได้ว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ ทำให้ยากแก่การป้องกันตัวจากเครื่องบินรบล่องหนเหล่านี้
ซึ่งนอกจากเครื่องบินรบที่เป็น Stealth เต็มตัวอย่าง B-2 Spirit, F-117 Nighthawk, F-22 Raptor ฯลฯ แล้ว ก็ยังมีเครื่องบินรบอีกแบบหนึ่ง ที่ถูกเรียกว่า Semi-Stealth หรือ กึ่งล่องหน อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเจ้าเครื่องบินกึ่งล่องหนพวกนี้ ก็คือเครื่องบินรบที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ล่องหนโดยเฉพาะ แต่ใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นเรดาร์เคลือบพื้นผิวของเครื่อง หรือ ออกแบบมาให้มีภาคตัดขวางเรดาร์ต่ำ ทำให้ถูกตรวจพบได้ยากขึ้น (แต่ไม่เท่าพวกที่เป็น Stealth เต็มตัว) เช่น Rafale, F/A-18 Advanced Super Hornet, F-15SE Silent Eagle เป็นต้น
เครื่องบินขับไล่ F-22 Raptor กองทัพอากาศสหรัฐ เป็นเครื่องบินขับไล่ที่ขึ้นชื่อว่าทันสมัยที่สุดในยุคปัจจุบัน มีภาคตัดขวางเรดาร์หรือ RCS ต่ำมาก จึงทำให้ถูกตรวจจับได้ยาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น